วันพฤหัสบดีที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

บทความเกี่ยวกับการบริหารสถานศึกษาสู่ความเป็นเลิศ

บทความผู้บริหารสถานศึกษา กับการสร้างแรงจูงใจในการทำงาน ... สำคัญจริงหรือ
ศิริพงษ์ บุญมีลาภ
แรงจูงใจมีความสำคัญต่อผู้บริหารจริงหรือ
สถานศึกษาที่จะพัฒนาไปสู่ความเป็นเลิศได้นั้นต้องประกอบไปด้วยองค์ประกอบแห่งความสำเร็จ 3 ประการคือ 1) ประสิทธิภาพ (Efficiency) 2) ประสิทธิผล(Effectiveness) และ 3) ความพึงพอใจ (Satisfaction)ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholders) ผู้ที่จะมีส่วนผลักดันให้องค์กรบรรลุเป้าหมายได้นั้นก็คือบุคลากรในหน่วยงานนั้นๆนั่นเองโดยมีผู้บริหารสถานศึกษาเป็นผู้กำกับ ติดตาม ดังนั้นบทบาทหน้าที่ของผู้อำนวยการสถานศึกษา คือ การทำอย่างไรให้ข้าราชการครูบุคคลากรทางการศึกษา และบุคคลที่มีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา ทำงานให้บรรลุเป้าประสงค์ สำเร็จได้ ประการสำคัญที่ผู้บริหารจะละเลยเสียไม่ได้ก็คือคือ จะต้องรู้จักวิธีการสร้างแรงจูงใจให้กับราชการครู ผู้ใต้บังคับบัญชา ผู้ร่วมจัดการศึกษา ในการพัฒนาจัดการศึกษาของโรงเรียน ข้าราชการครู ถือว่ามีความสำคัญมาก ครูต้องจัดกิจกรรม การเรียนรู้ ให้กับลูกศิษย์ เติบโตและพัฒนาเป็นสมาชิกของชุมชน สังคมที่มีคุณธรรม จริยธรรม มีค่านิยมอันพึ่งประสงค์และ สามารถดำเนินชีวิตอยู่สังคมได้อย่างมีความสุข อย่างมีคุณภาพ ได้มาตรฐาน จากบทความนี้จะช่วยทำให้ผู้อำนวยการสถานศึกษาสามารถสร้างแรงจูงใจให้เกิดกับข้าราชการครูและบุคคลกรการศึกษา รวมไปถึงผู้ร่วมพัฒนาการศึกษา ทำงานเชิงคุณภาพได้ประสิทธิภาพ ภายในโรเรียน และนำมาใช้เมื่อต้องการแก้ปัญหา ปรับปรุงพัฒนาแรงจูงใจในโรงเรียน ใช้ในการเสริมสร้างทีมงานของผู้อำนวยการ เพื่อปฏิรูปโครงสร้างโรงเรียนต่อไป
อะไรบ้างที่ผู้บริหารควรรู้เกี่ยวกับทฤษฎีแรงจูงใจ
มูลเหตุจูงใจในการทำงานของทฤษฎีแรงจูงใจ จะทำให้ผู้บริหารได้เข้าใจความต้องการของผู้ร่วมงาน สามารถที่จะนำมาประยุกต์ใช้ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความสำเร็จของงาน
ทฤษฎีมนุษย์นิยม ทฤษฎีคลาสสิคแนวใหม่ มองว่า คนเป็นมนุษย์เศรษฐศาสตร์ (
Economic man) ทฤษฎีมนุษย์สัมพันธ์ มองว่า คนเป็นมนุษย์สังคม (Social man)
ผลงานของ E. Mayo และคณะที่สำคัญคือ องค์การเป็นระบบทางสังคม การเป็นผู้บังคับบัญชา และผู้ใต้บังคับบัญชา เกิดจากค่านิยมของสมาชิกในกลุ่ม และค่านิยม ความเชื่อ รวมถึงอารมณ์ของสมาชิกด้วย
นักศึกษาปริญญาโท หลักสูตรครุศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
C.I Barnard มองว่า เป็นระบบของการร่วมแรงร่วมใจของบุคคล เพื่อทำงานให้สำเร็จ
ทฤษฎีแรงจูงใจที่กล่าวถึงเนื้อหา (
Content Theories of Motivation)
ทฤษฎีมนุษยวิทยา(ทรัพยากรมนุษย์)จะมองว่า เป็น มนุษย์ที่ประสงค์จะทำงานให้สำเร็จด้วยตนเองผลงานของ Marlow ได้แบ่งความต้องการของมนุษย์เป็น 5 ลำดับขั้นคือ
ขั้นที่ 1. ความต้องทางด้านร่างกาย (
Physiological)
ขั้นที่ 2. ความต้องการความปลอดภัย (Safety)
ขั้นที่ 3. ความต้องการทางสังคม (Social)
ขั้นที่ 4. ความต้องการมีชื่อเสียง (Esteem)
ขั้นที่ 5. ความต้องการความสำเร็จตามความนึกคิด (Self-actualization)
ผลงานทฤษฎีแรงจูงใจของ อัลเดอร์เฟอร์ (Clayton Alderfer) เป็นที่รู้จักในนามของ “E.R.G Theory” ก็อยู่ในกลุ่มทฤษฎีแรงจูงใจที่กล่าวถึงเนื้อหา เช่นกัน
ทฤษฎีแรงจูงใจเกี่ยวกับกระบวนการ ได้แก่ ผลงานของ Victor Vroom ในนามทฤษฎี ความคาดหวัง (Expectancy Theory) และAdams J. Stacy คิดว่า การจูงใจจะเกิดขึ้น เมื่อบุคคลในองค์การได้รับรู้ถึงระดับความเสมอภาค เป็นทฤษฎีความเสมอภาค
จากผลงานของบุคคลสำคัญ ตามทฤษฎีที่กล่าวข้างต้นนี้ ผู้บริหารจำเป็นต้องมีความรู้เพื่อเป็นพื้นฐานในการนำไปปรับประยุกต์ใช้ในบริบทของสถานศึกษาของตน
การนำแรงจูงใจมาประยุกต์ใช้ เพื่อแก้ปัญหา และส่งเสริม พัฒนาการบริหารการศึกษาของโรงเรียน
ตามที่ รศ. สุขุม นวลสกุล ได้แนะนำวิธีสร้างแรงจูงใจในที่ทำงานนั้น โรงเรียนมีระบบการพิจารณาความดี ความชอบ เป็นที่ยอมรับและเข้าใจชัดเจน เป็นขวัญกำลังใจที่ดีในการปฏิบัติงาน กล่าวคือ ความสุขที่เกิดจากการได้ทำในสิ่งที่ดีกว่า และเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม เป็นที่ชื่นชมในองค์การ นับเป็นการบริหารด้านค่าตอบแทน และสวัสดิการ คือ ความต้องการทางกาย และความมั่นคงในชีวิต

แนวความคิดในการปฏิบัติ สามารถลำดับขั้นตอนการนำไปประยุกต์ใช้ ดังรายละเอียดต่อไปนี้
1. มุมมองของผู้บริหาร มองเห็นผู้ใต้บังคับบัญชา เป็นผู้ทรงคุณค่าด้านคุณธรรม จริยธรรม มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ผู้ได้รับแรงจูงใจที่ดี จะส่งผลต่อการปฏิบัติงาน และมีความคิดสร้างสรรค์ที่ดีขึ้น
2. ผู้บริหารมีความเป็นปัญญาชน ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี ทั้งกาย วาจา ใจ ด้วยความจริงใจกับทุกคน เป็นที่ยอมรับของผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงานอย่างเสมอต้นเสมอปลาย
3. การบริหารด้านความสัมพันธ์ในโรงเรียน ทำให้บุคลากรทุกคนมีคุณค่า เมื่ออยู่ในโรงเรียน และอยู่ร่วมกับผู้อื่น ที่ร่วมอาชีพเดียวกันได้ดี
4. การพัฒนาครู เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงโดยใช้ทฤษฎีความคาดหวังของ Vroom ความ
เจริญก้าวหน้าของ Hertzberg และการทำงานให้สำเร็จด้วนตนเองของ Argyris
5.ความภาคภูมิใจของโรงเรียน สร้างความรักโรงเรียน ภูมิใจ จงรักภักดีต่อสถานบัน สร้างจุดเด่นให้โรงเรียน ตามหลักทฤษฎีของ
Barnard กระตุ้นให้บุคลากร พัฒนา อาคารสถานที่ให้ดูสวยงาม เน้นการดูแล และเอาใจใส่นักเรียน ให้มีระเบียบวินัย
สรุปได้ว่าการสร้างแรงจูงใจให้เกิดกับข้าราชครูและบุคลากรการศึกษา ผู้เข้าร่วมพัฒนาการจัดการศึกษา มีความสำคัญอย่างยิ่งในการบริหารการศึกษา การทำให้เกิดความเข้าใจ ความสามารถ นำไปประยุกต์ใช้ ทำให้เกิดประสิทธิภาพในการพัฒนาการบริหารโรงเรียน และที่สำคัญ ผู้บริหารจะได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้บิหารมืออาชีพอย่างแท้จริง
เรียบเรียงโดย นางเพชรฤทัย  อกนิษฐ์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น