บทความ เคล็ดลับสู่ความเป็นเลิศของผู้นำ
ท่านเคยได้ยินเรื่องเล่านี้บ้างไหมครับว่า “ขณะที่เรากำลังต้มน้ำร้อนและน้ำร้อนเดือดปุด ๆอยู่บนเตาแก๊ส ก็ได้ยินเสียงลูกเล็ก ๆ ตื่นนอน และกำลังร้องไห้ด้วยเสียงอันดัง ในขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงมีคนมากดกริ่งอยู่ที่หน้าประตู” ถ้าเป็นท่านท่านจะตัดสินใจทำอะไรก่อนหลัง จึงจะไม่ทำให้เกิดผลเสียหาย หรือเกิดผลร้าย ผู้นำที่มีประสิทธิผลอย่างแท้จริง กุญแจสำคัญก็คือการรู้จักการจัดความสำคัญลำดับก่อนหลัง และการมีใจจดจ่อต่องานหรือสิ่งที่กำลังทำ ซึ่งผู้นำที่รู้ลำดับความสำคัญก่อนหลัง แต่ไม่มีใจจดจ่อก็แม้จะรู้ว่าอะไรควรทำแต่จะไม่มีวันทำจนสำเร็จได้ ในทางกลับกัน หากผู้นำคนนั้นมีใจจดจ่อแต่ขาดลำดับความสำคัญก่อนหลัง ผู้นำผู้นั้นก็จะเก่งเฉพาะอย่างโดยไม่มีความเจริญก้าวหน้า แต่หากผู้นำคนนั้นสามารถควบคุมได้ทั้งสองอย่าง ผู้นำผู้นั้นก็จะมีศักยภาพที่ยอดเยี่ยมและมีผลงานเป็นเลิศ
ฉะนั้นคำถามสำคัญก็คือ ผู้นำจะต้องทุ่มเทเวลาและกำลังอย่างไร ซึ่งจากปัญหาที่เกิดที่สถานศึกษาหรือหน่วยงานหลายแห่ง ผู้นำหลายท่านไม่ค่อยได้อยู่สถานศึกษา เวลาสั่งการหรือแม้แต่ผู้สอนก็เช่นกัน คือ ชอบทิ้งห้องเรียนหรือชั้นเรียน และบางครั้งไม่ทำหน้าที่นำหรือแนะนำ หรือลงลึกในงาน รวมทั้งไม่แม้แต่จะทำความเข้าใจกับนโยบาย หรือภารกิจที่ได้รับมอบหมาย และเมื่อมอบหมายไปก็สั่งแบบไม่เข้าใจจริง ผลก็สะท้อนกลับคืองานไม่ออก เพราะผู้ทำก็ไม่เข้าใจ และผู้สั่งเองก็เข้าใจไม่ถูกด้วย ก็ในที่สุดล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ หรือขาดความคุ้มค่าในการลงทุนหรือลงแรงไปกับสิ่งเหล่านั้น ขาดทั้งความ พึงพอใจทั้งต่อผู้บริการและผู้รับบริการ ดังนั้นเคล็ดลับก็คือ
1. ต้องทำความเข้าใจกับ สิ่งที่ต้องทำ สิ่งที่ควรทำ และสิ่งที่จะทำ และจัดลำดับให้ถูกต้อง
2. ผู้นำที่มีประสิทธิผล ที่ส่งถึงศักยภาพของผู้นำนั้น จะใช้เวลาทุ่มเทกับหน้าที่หลัก คือการเป็นผู้บริหารหน่วยงาน มากกว่าสิ่งที่เป็นงานรองอื่น ๆ แต่อาจเป็นไปได้ที่จะทำสองอย่างได้ดีเป็นบางครั้ง แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะทำได้หลาย ๆ อย่างได้ดีทุกครั้ง ฉะนั้นต้องมุ่งในงานหลัก คือ การอยู่กับคนที่เราจะนำ และลงสู่งานหลักคือการเป็นผู้บริหาร ถ้าเป็นผู้บริหารสถานศึกษาและการเป็นผู้สอนในฐานะผู้นำการสอนในชั้นเรียน ดังนั้นถ้าจะให้ประสบความสำเร็จ ผู้นำต้องทุ่มเทให้กับสิ่งที่เป็นงานหลักถ้าเลือกที่จะเป็นผู้บริหาร ก็ต้องทุ่มเทให้กับการบริหารและพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ทั้งเวลา แรงกาย และแรงเงิน
3. ผู้นำที่จะให้เกิดการเติบโตก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลง หากต้องการความก้าวหน้า ผู้นำผู้นั้นต้องมีการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง นั่นก็คือการก้าวไปสู่สิ่งใหม่ หากเราพัฒนาตนเองให้กับสิ่งใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับงานในหน้าที่หลัก เราจะเติบโตขึ้นได้ในฐานะผู้นำ (ถ้าเป็นผู้บริหารก็คือนักบริหารมืออาชีพ และถ้าเป็นผู้สอนก็คือผู้นำในการสอน)
4. ไม่มีใครหนีจุดอ่อนหรือจุดบกพร่องของตนเองได้ วิธีแก้ไขก็คือปรับปรุงแก้ไขจุดอ่อนที่ยังมี และในบางครั้งหากพบว่าอะไรที่ตนไม่ถนัดจริง ๆ ผู้นำก็สามารถใช้คนอื่นโดยการมอบหมายงาน แต่เราต้องรู้จักงานจริง ๆ จึงจะควบคุมและจัดการให้มุ่งสู่จุดหมายได้ดีที่สุด แม้จะใช้คนอื่นไปทำแทนก็ตาม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น